
Classy Lips - ฉีดฟิลเลอร์ปาก แบบติดแกลม สไตล์ Classy
ฉีดฟิลเลอร์ปาก เสกปากน่าจุ๊บ ได้ตามใจ
ปรึกษา
แพทย์ฟรี
ระยะเวลา(นาที):
45 - 60
ระยะพักฟื้น:
ไม่ต้องพักฟื้น
การฉีดฟิลเลอร์ปาก คืออะไร ?
ฉีดฟิลเลอร์ปาก คือ การฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid หรือ HA) ที่สร้างขึ้นมาใกล้เคียงกับสารธรรมชาติที่อยู่ในร่างกายของเรา จึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรือการแพ้ในร่างกาย สามารถสลายเองได้ตามธรรมชาติ ไม่ตกค้างในร่างกาย มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ เข้าไปบริเวณริมฝีปาก เพื่อเพิ่มเนื้อและปรับโครงสร้างปาก ให้ปากอวบอิ่ม ชุ่มชื้น สวยได้รูป เพิ่มความเซ็กซี่ และมีรอยยิ้มที่สดใส สามารถแต่งทรงปากได้หลากหลายตามที่ต้องการ ทั้งการแก้ปัญหาปากบาง , ปากแห้งลอก , ริ้วรอยบนริมฝีปากที่เป็นร่อง ทำให้ร่องปากเนียน , ลดเลือนริ้วรอยรอบ ๆ มุมปาก , แก้ปัญหาปากบน-ล่างไม่เท่ากัน หรือ รูปปากคว่ำ ให้กลายเป็นรูปทรงที่สวยงาม เป็นวิธีที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว เห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงได้ทันที และสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยไม่ต้องพักฟื้น
Filler ปาก ที่ใช้ในการฉีดปากนั้น จะต้องเป็นฟิลเลอร์ที่มีความละเอียดสูง คงตัวได้ดี ไม่แข็ง ไม่เป็นก้อน เหมาะสมกับการเติมเต็มในบริเวณที่มีการขยับบ่อย ๆ ในปัจจุบันมีให้เลือกพิจารณาหลายรุ่นหลายยี่ห้อ ซึ่งแพทย์จะเป็นคนเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ปากที่ใช้ ตามการประเมินปัญหารูปปาก และทรงปากเดิม คามความเหมาะสมของแต่ละคน

ฉีดฟิลเลอร์ปาก แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง ?
- ปัญหาเนื้อปากไม่เท่ากัน รูปปากดูไม่เป็นทรงสวย
- แก้ปัญหารูปปากไม่ได้สัดส่วน เช่น ปากเบี้ยว ปากม้วนเข้า มุมปาก 2 ข้างไม่เท่ากัน
- แก้ปัญหาริมฝีปากบาง หรือริมฝีปากไม่เท่ากัน ตามอายุที่เพิ่มขึ้น หรือปากบางเกินไปจากการศัลยกรรมปาก
- แก้ปัญหาปากเป็นเส้นตรง ไม่เป็นกระจับ
- แก้ปัญหาริมฝีปากเเห้ง ขาดความชุ่มชื่น ปากเป็นร่อง ทำให้ทาลิปสติกไม่สวย ไม่เรียบเนียน
- ฉีดยกมุมปากแก้ปัญหามุมปากตก ปากคว่ำ ทำให้สีหน้าดูบึ้งตึง โดยจะฟิลเลอร์ยกมุมปากให้ทรงสวยขึ้น
- แก้ปัญหาขอบปากรูปทรงไม่ชัดเจน
- ช่วยให้รูปหน้าโดยรวมมีมิติมากยิ่งขึ้น
- สร้างความเซ็กซี่ และเพิ่มเสน่ห์ให้กับใบหน้า
- สร้างความมั่นใจ เสริมบุคลิกภาพที่ดี
- ปรับและเสริมโหงวเฮ้งให้กับใบหน้า ให้ปากมีลักษณะที่ดี สมส่วนตามหลักโหงวเฮ้ง

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ปาก
- ปรับเปลี่ยนรูปทรงปากได้ตามต้องการ ให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ
- เห็นผลลัพธ์รวดเร็วและชัดเจน ไม่ต้องพักฟื้น เห็นความเปลี่ยนแปลงทันที
- ดูแลง่าย ไม่มีแผลและไม่ต้องตัดไหม มีเพียงรอยเข็มจุดเล็กๆ ซึ่งสามารถปกปิดได้ด้วยการทาลิปสติก และจะจางหายไปภายใน 1 สัปดาห์
- มีความปลอดภัยสูง หากฉีดฟิลเลอร์แท้ โดยแพทย์เฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญ
- ไม่ต้องเตรียมร่างกายมากเหมือนกับการผ่าตัด ไม่ต้องงดอาหารก่อนการฉีด Filler ปาก
- ฟิลเลอร์สามารถสลายไปได้เอง ตามระยะเวลาของฟิลเลอร์แต่ละรุ่น (หากอยากเปลี่ยนรูปทรงปาก สามารถฉีดสลายได้)
- ค่าใช้จ่ายต่ำกว่าเมื่อเทียบกับการผ่าตัด
ฟิลเลอร์ปากเหมาะกับใคร ?
- ผู้ที่มีปัญหา ปากบนหนา ปากบนใหญ่ หรือไม่เป็นทรง สามารถปรับทรงให้เป็นปากกระจับได้
- ผู้ที่ปากคว่ำ ดูแล้วหน้าดุ หน้าบึ้ง ต้องการฉีดยกมุมปากให้ยิ้มสวยขึ้น และหน้าหวานขึ้น
- ผู้ที่มีริมฝีปากบาง อยากให้เป็นทรงมากขึ้น เพิ่มเสน่ห์ ให้น่าดึงดูด
- ผู้ที่ปากไม่เท่ากัน เช่น เคยประสบอุบัติเหตุมา หรือเคยมีประวัติผ่าตัดมาก่อน
- ผู้ที่ริมฝีปากขาดคอลลาเจน แห้งแตก เป็นร่องชัด เห็นริ้วรอยได้ง่าย
- ผู้ที่ต้องการปรับโหงวเฮ้ง เสริมดวง ปากอิ่มเอิบ รับทรัพย์
ข้อควรระวังในการฉีดปาก
หากแพทย์ไม่ชำนาญและระมัดระวังพอ รวมถึงชนิดของฟิลเลอร์ไม่เหมาะสมกับบริเวณที่ฉีดปาก ฉีดยกมุมปาก ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดปาก ฉีดยกมุมปากมากเกินไป และที่สำคัญที่สุดคือการฉีดฟิลเลอร์ปลอม จำพวก ซิลิโคนเหลว , ไบโอพลาสติก (Bioplastics) , พาราฟิน (Paraffin) ซึ่งเป็นสารโพลิเมอร์ (Polymer) ที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตสิ่งของ ทำมาจากพลาสติก หากเข้าสู่ร่างกายจะไม่สามารถดูดซึมได้ ซึ่งก่อให้เกิดอันตราย ดังนี้
- ใต้ชั้นผิวหนัง ติดเชื้อ มีการอักเสบรุนเเรง
- ผิวบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์เป็นก้อน ขรุขระ เป็นคลื่น ผิวหนังไม่เรียบ
- ใบหน้าผิดรูปทรง ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ เนื่องจากฟิลเลอร์ไหล เคลื่อนไปสู่ตำแหน่งอื่น
- เกิดอาการเน่า เขียวช้ำ บวมเป็นก้อน
- เนื้อปากตาย มีพังผืด
- เส้นประสาทถูกทำลาย
- ฟิลเลอร์ไม่สลายไปตามธรรมชาติ จนต้องผ่าตัดเพื่อขูดออก
- อาจร้ายแรงถึงขั้นตาบอด หากฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือด และฟิลเลอร์เข้าไปสู่เส้นเลือดที่เลี้ยงดวงตา
- หากเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ หรือใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้ปากขยายใหญ่บานออกมา หรือปากเจ่อมากเกินไป
ในกรณีที่พลาดไปฉีดปาก ยกมุมปากกับผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญมาแล้ว ก็สามารถปรึกษาให้แพทย์เฉพาะทางที่ Classy Clinic แก้ไขฉีดสลายฟิลเลอร์เก่าออก และทำการฉีดฟิลเลอร์ใหม่ที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน
ฟิลเลอร์ปากต้องใช้กี่ CC
โดยปกติทั่วไป การปากสำหรับผู้มีปัญหาปากบาง ปากรูปทรงไม่สวย ปากไม่มีกระจับ จะใช้ประมาณ 1 cc ก็สามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน เเต่ถ้าต้องการเพิ่มวอลลุ่มให้ปากฟูดูเซ็กซี่ และอวบอิ่มแบบฝรั่ง อาจจะต้องใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 2 cc หรือมากกว่า โดยแพทย์จะประเมินปริมาณฟิลเลอร์ตามความเหมาะสมของปัญหาในแต่ละบุคคล เพื่อให้สวยงามเหมาะกับรูปหน้าและตรงกับความต้องการมากที่สุด

ฉีดปาก ทรงไหนดี ? ทรงปากยอดนิยม ยอดฮิตของสาว ๆ
- ร่องริมฝีปากบน ควรมีขอบหยักที่ชัด เพื่อให้ปากดูเชิดและมีมิติ
- สันร่องริมฝีปากบน ควรเป็นสันที่ชัดเจนไม่กว้างจนเกินไป และไม่แบนราบ
- มุมปาก ช่วงมุมปากควรมีองศาที่ยกไม่คว่ำลง
- ขอบปาก ทั้งริมฝีปากบนและล่างควรมีขอบปากที่ชัดสม่ำเสมอ และมีสัดส่วนที่เท่ากัน
- เนื้อปาก ควรมีความอวบอิ่ม ชุ่มชื้น ไม่มีรอยแตกแห้ง
ฉีดปาก ทรงไหนดี ? ทรงไหนฮิต ทรงไหนปัง 2025

Filler ปาก ทรงปากสไตล์เกาหลี
ลักษณะของปากทรงนี้จะเหมือนลูกเชอร์รี 2 ลูก มาประกบกันอยู่ตรงกลางริมฝีปาก โดยช่วงกลางของริมฝีปากบนและล่างจะดูอิ่มฟูกว่าด้านข้าง ช่วยปรับทรงปากให้ดูอวบอิ่ม เต็ม ฟู และยังทำให้หน้าดูเด็กลงอีกด้วย

Filler ปาก ทรงปากสไตล์สายฝอ
สไตล์สายฝอ. หรือทรงปากแบบฝรั่ง ได้กระแสความงามมาจากทางฝรั่งตะวันตก รูปทรงปากที่มีความอวบอิ่มฟู สวยเซ็กซี่แบบสไตล์ฝรั่ง จะมีด้วยกัน 2 แบบ คือ
- ปากอวบอิ่ม เซ็กซี่ (อวบอิ่มแต่ปากล่าง)
โดยริมฝีปากจะเต็มอิ่มโดยเฉพาะริมฝีปากล่าง ส่วนริมฝีปากบนจะมีความเจ่อเพียงเล็กน้อย - ปากอวบหนา เต็มสวย (อวบอิ่มทั้งปากล่างและบน)
โดยริมฝีปากจะเต็มอิ่มทั้งริมฝีปากล่างและริมฝีปากบน ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน

Filler ปาก ทรงปากกระจับ
ทรงปากกระจับ เป็นการปรับรูปทรงริมฝีปาก ทั้งส่วนบนและส่วนล่างได้รูปสวยงามรับกับใบหน้า โดยริมฝีปากจะมีความโค้งเรียวสวยคล้ายผลกระจับ จึงเป็นที่มาที่เรียกรูปปากทรงนี้ว่าปากกระจับ หรือบางคนอาจจะเรียกว่าปากปีกนก เพราะลักษณะมุมปากกระจับจะเรียวและยกขึ้นคล้ายปีกนก เป็นรูปทรงปากช่วยเพิ่มมิติให้ใบหน้า เป็นปากกระจับ ธรรมชาติ ไม่บางหรือเรียบแบนจนเกินไป และได้รูปสวยงามทั้งปากบนและปากล่าง










การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก
- ศึกษาข้อมูลที่จำเป็น ทั้งการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน, การเลือกแพทย์, เทคนิคในการทำ รวมไปถึงวิธีการสังเกตฟิลเลอร์แท้แต่ละยี่ห้อ และดูรีวิวฉีดฟิลเลอร์ปาก ฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปาก จากผู้ใช้บริการจริงในคลินิกนั้น ๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ
- หากเคยผ่าตัดริมฝีปากมาก่อน ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบ
- หากมีโรคประจำตัวหรือแพ้ยาชาและยาชนิดอื่น ๆ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทำทุกครั้ง
- งดรับประทานยา กลุ่มแอสไพริน และวิตามิน อาหารเสริมทุกชนิด ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก 7-14 วัน หากมียาที่ต้องรับประทานประจำ ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบ
- งดสครับและเลเซอร์ปาก อย่างน้อย 3-7 วัน
งดดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1-3 วัน - ไม่ได้อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ , ให้นมบุตร หรือมีปัญหาเลือดออกแล้วหยุดยาก
- แพทย์จะพิจารณาให้กินยาห้ามเลือดหรือฉีดยาลดบวมในบางเคส เพื่อลดความเสี่ยงในการบวมช้ำ อักเสบติดเชื้อ
ขั้นตอนการฉีดปาก ฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปาก
- แพทย์จะเป็นผู้ทำการประเมินและวิเคราะห์ริมฝีปากของคนไข้ พร้อมทั้งให้คำแนะนำเกี่ยวกับชนิดหรือยี่ห้อฟิลเลอร์ และสัดส่วนของปริมาณที่ต้องการใช้ และกำหนดบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์ พร้อมทำสัญลักษณ์ในแต่ละจุดไว้
- แพทย์จะทำการแปะยาชา เพื่อเป็นการป้องกันอาการช้ำและบรรเทาความเจ็บปวดที่อาจเกิดขึ้นขณะฉีดฟิลเลอร์ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง เพื่อให้ยาชาออกฤทธิ์
- หลังจากที่ยาชาออกฤทธิ์ แพทย์จะฉีด Filler ปากตามจุดที่กำหนดไว้ ซึ่งเทคนิคและระยะเวลาในการฉีดปากจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับรูปทรงที่ต้องการ รูปริมฝีปากก่อนทำ และเนื้อปากของแต่ละบุคคล
- แพทย์อาจะมีการนวดคลึง หรือจัดทรงเพียงเล็กน้อย เพื่อให้ฟิลเลอร์คงรูปสวยตามทรงที่คนไข้ต้องการ
การดูแลหลังฉีดปาก
- หากมีอาการบวม เจ็บ คัน ตึง หรือรอยฟกช้ำบริเวณที่ฉีด ให้ใช้น้ำแข็งประคบเบา ๆ และทาเจลหรือครีมว่านหางจระเข้ หรือวิตามินเค
- หากก่อนทำไม่ได้รับประทานยาฆ่าเชื้อ หลังทำควรรีบกินยาฆ่าเชื้อทันที
- ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อเพิ่มการอุ้มน้ำของฟิลเลอร์ และช่วยให้ฟิลเลอร์ฟู อยู่ได้นานขึ้น
- รับประทานยาและปฏิบัติตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด โดยแพทย์จะมีการตรวจและติดตามผล ในช่วง 1-4 สัปดาห์
- งดทาลิปสติก สูบบุหรี่ และใช้หลอดดูดน้ำ ในระยะเวลา 24 ชั่วโมงแรก
- หลีกเลี่ยงการแตะ แกะ เกาบริเวณริมฝีปาก และอาจมีอาการบวมแดงหรือเขียวช้ำเป็นปกติ และจะค่อย ๆ ดีขึ้นใน 2-3 วัน
- หลีกเลี่ยงการ บีบ นวด คลึง บริเวณริมฝีปาก เพราะอาจทำให้รูปปากเสียรูปทรงได้
หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ และพยายามหนุนหมอนสูง เพื่อช่วยลดอาการบวม - ควรอยู่ในที่อาการเย็น หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด และกิจกรรมกลางแจ้ง อย่างน้อย 2 วัน
- ควรงดรับประทานอาหารบางชนิดที่ส่งผลต่อการอักเสบ อาหารหมักดอง หรืออาหารรสจัด และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 14 วัน
- งดเลเซอร์ อบไอน้ำ หรืออบซาวด์หน้า ที่ใช้ความร้อน อย่างน้อย 1 เดือน
- ควรรับประทานและเครื่องดื่มอุณหภูมิปกติ เลี่ยงของร้อน เพราะอาจทำให้ปากเกิดอาการบวม และความร้อนอาจทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วขึ้น
- หากมีอาการปวดบวมแดงมากผิดปกติ หรือสีผิวหนังบริเวณที่ฉีด เปลี่ยนเป็นสีซีด สีน้ำตาล หรือดำ ควรรีบพบแพทย์ทันที
อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น หลังฉีดปาก
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องปกติ ซึ่งอาการแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน โดยจะมีอาการ ดังนี้
- อาจมีรอยบวมแดง รอยฟกช้ำในบริเวณที่ฉีด หรือรู้สึกเจ็บจากอาการบวมได้ แต่จะค่อย ๆ ดีขึ้น และเมื่ออาการบวมหายเป็นปกติแล้ว ก็จะเห็นรูปทรงปากที่ชัดเจนขึ้น
- หลังฉีดช่วงแรกอาจคลำพบก้อนเล็กแข็งเหมือนยางลบใต้ผิวหนัง ซึ่งจะละลายตัวและนิ่มเป็นเนื้อเดียวกันเองภายใน 2-4 สัปดาห์
- อาจมีการปวดตึงบริเวณที่ฉีด บรรเทาอาการด้วยการประคบเย็นหรือทานยาแก้ปวด
- หลังฉีดปาก 3-4 ชม.แรก ถ้ามีการปวดตื้อ ๆ อยู่สามารถนวดโดยการเม้มปากเบา ๆ และประคบเย็นได้
- หากมีอาการบวมนานกว่าปกติ ร่วมกับอาการแดง อาการอักเสบ เจ็บมากกว่าปกติ หรือมีตุ่มหนองและตุ่มใสๆ ร่วมด้วย ควรรีบมาพบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการ
- กรณีอาการปวดบวมแดงมากผิดปกติ หรือสีผิวหนังบริเวณที่ฉีดเปลี่ยนไปเป็นสีซีด เป็นสีน้ำตาล หรือดำ ควรรีบแจ้งแพทย์ที่ทำการรักษาทันที

คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ปาก
ฉีดฟิลเลอร์ปากเจ็บไหม ?
ฉีดฟิลเลอร์ปาก อันตรายไหม ?
การฉีดฟิลเลอร์ปาก ไม่อันตราย หากฉีดโดยแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ เชี่ยวชาญในเรื่องกายวิภาค และใช้ฟิลเลอร์แท้
เนื่องจากแพทย์จะรู้เทคนิคในการฉีดปากที่ถูกต้อง เพราะริมฝีปากประกอบด้วยเส้นเลือดฝอยขนาดเล็กจำนวนมาก ต้องใช้ความระมัดระวังในการฉีด เพื่อไม่ให้เกิดฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือด หรือฉีดโดนเส้นเลือดหลักที่อยู่ลึกลงไป ซึ่งถ้าเป็นหมอที่มีประสบการณ์ การฉีดฟิลเลอร์ปากก็มีความปลอดภัย 100% แต่ถึงแม้จะเกิดการอุดตันเส้นเลือด ด้วยเทคนิคการแก้ไขที่มีในปัจจุบันก็สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์และแก้ไขให้กลับคืนมาได้ภายใน 7-14 วัน เป็นเหตุผลว่าทำไมจึงควรฉีดฟิลเลอร์ปาก ฉีดยกมุมปากกับแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น เพราะหากเกิดเหตุสุดวิสัยก็สามารถจะแก้ไขได้อย่างทันท่วงที
และการใช้ฟิลเลอร์แท้ ที่เป็นสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid : HA) มีความปลอดภัย ได้การรับรองจาก อย. ไทย สามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ ไม่ตกค้างในร่างกาย
ฉีดฟิลเลอร์ปากบวมกี่วัน ? ฉีดปากกี่วันหายบวม ?
- อาการบวมที่ริมฝีปากหลังฉีดฟิลเลอร์จะเกิดขึ้นประมาณ 2-3 วันแรก
- ในบางรายที่มีผิวบวมง่าย ริมฝีปากอาจบวมประมาณ 5-7 วัน แต่ไม่ต้องกังวล เพราะอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ยุบลง และหายไปได้เอง
- ภายใน 7-14 วัน ริมฝีปากจะเริ่มเข้าที่ อวบอิ่ม เห็นทรงสวย ดูเป็นธรรมชาติ
- ทั้งนี้ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- แนะนำงดการกด นวด สัมผัส รวมถึงงดรับประทานอาหารรสจัด เครื่องดื่มร้อน แอลกอฮอล์ เพื่อทำให้อาการบวมยุบลงได้ไว
ฉีดปากอยู่ได้นานแค่ไหน ?
การฉีดฟิลเลอร์ปากให้ผลลัพธ์ยาวนาน ประมาณ 6-18 เดือน โดยขึ้นอยู่กับรุ่นหรือยี่ห้อของฟิลเลอร์ และวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีด เมื่อครบกำหนดเวลา ฟิลเลอร์จะสลายไปตามธรรมชาติ 100%
โดยแนะนำให้หลังจากทำไปประมาณ 3-4 เดือน สามารถกลับมาฉีดปาก ฉีดยกมุมปากซ้ำได้ เพื่อคงสภาพรูปปากให้อิ่มฟูเหมือนตอนทำในช่วงแรกและอยู่ได้นานมากขึ้น

ทำไมต้องฉีดฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์ยกมุมปาก ที่ Classy Clinic
ที่ Classy ใช้แพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์เฉพาะด้าน ร่วมประเมินและออกแบบรูปปากให้กับคนไข้เพื่อวางแผนการรักษาอย่างตรงไปตรงมาและเหมาะสมกับใบหน้าของแต่ละบุคคล มีเทคนิคลงเข็มที่แม่นยำ และแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด คลินิกของเราใช้ฟิลเลอร์แท้ทุกกล่อง ผ่านการรับรองจาก อย. ตรวจสอบได้ พร้อมแกะกล่องให้คนไข้ดูก่อนฉีด Filler ปากทุกเคส รับประกันมาตรฐานความปลอดภัย การันตีฝีมือแพทย์ด้วยใบรับรองและรางวัลมากมาย พร้อมทั้งรีวิวความประทับใจจากคนไข้จริง

พบประสบการณ์แบบ Personalized คุณหมอให้ความสำคัญ กับวางแผนการรักษา ร่วมกันระยะยาว

วิเคราะห์เหนือจาก ขอบเขตเดิมๆ ดูความต้องการ ตามความเหมาะสม

ประสบการณ์การอ่าน ใบหน้าอย่างเข้าใจ อ่านทุกองค์ประกอบ มองขาด เห็นความเชื่อมโยง

ไม่ใช่ใคร ก็ฉีดได้ผลลัพธ์ที่ดี เทคนิคเหนือชั้น เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า
SCHEDULE
A CONSULTATION
SESSION
ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
Give yourself some daily rewards because loving and caring for yourself doesn’t need to wait.
เพราะการให้รางวัลกับตัวเอง ไม่ควรต้องรอ